วันเข้าพรรษา
เป็นประเพณีชาวพุทธของไทย คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8
ตามปฏิทินจันทรคติหรืออยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมแล้วนับไปอีก 3
เดือนก็จะเป็นวันออกพรรษา ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรืออยู่ในช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นฤดูของทุกปี เพราะฤดูฝนเป็นฤดูเพาะปลูก
ข้าวกล้าพืชผลของชาวบ้านกำลังเขียวขจี
ถ้าพระออกเดินทางในฤดูนี้จะไปเหยียบย่ำข้าวกล้าพืชผลของชาวบ้านเสียหายได้
พระพุทธเจ้าจึงได้บัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์หยุดเข้าพรรษาหรือหยุดพักฝน 3 เดือนไม่ให้จาริกเดินทางไปค้างคืนที่อื่นๆ การเข้าพรรษาจึงมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลหรือตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า
จึงทำให้พระสงฆ์มีเวลาศึกษาหาความรู้โดยเฉพาะการอ่านหนังสือปฏิบัติธรรม การอ่านหนังสือที่และให้เข้าใจและจดจำได้ดีที่สุดคือเวลากลางคืน
ซึ่งเป็นช่วงที่เงียบสงบทำสมาธิได้ง่าย ในสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าเวลาพระจะอ่านหนังสือจึงจุดเทียน
เมื่อชาวบ้านทราบจึงทำเทียนไปถวายพระ โดยเฉพาะการถวายในวันเข้าพรรษา
ซึ่งถือว่าได้บุญกุศลมากยิ่งนัก นั่นคือจะทำให้ชีวิตของผู้ถวายมีความสุขสบาย
สว่างไสว ไม่มืดมน หรืออีกนัยหนึ่งเป็นผู้มีปัญญา มีความรู้ เฉลียวฉลาดนั่นเอง
การถวายเทียนแด่พระสงฆ์ ในวันเข้าพรรษาจึงเป็นประเพณีของชาวพุทธมาแต่โบราณกาลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ในปัจจุบันชาวบ้านสมัยใหม่จะนิยมถวายหลอดไฟฟ้าแทน เพราะมีความสว่างมากกว่าเทียน
ใช้งานง่าย สะดวก และได้บุญกุศลมากเช่นกัน
ในสมัยก่อนชาวอุบลไม่มีการหล่อเทียนแห่เทียนเช่นปัจจุบัน
และยังไม่มีเทียนสำเร็จรูปขาย ชาวบ้านจะใช้ขี้ผึ้ง ซึ่งได้จากรังผึ้งมาต้มให้ละลายแล้วเอาฝ้ายที่จะทำเป็นไส้เทียนจุ่มลงไปในน้ำผึ้งที่ละลายนั้น
ปล่อยให้เย็นพอที่จะเอามือคลึงให้ขี้ผึ้งโอบล้อมไส้เทียนให้เต็ม ชาวอุบลฯ เรียกว่า
“ฟั่นเทียน”
จากนั้นนำมาตัดตามขนาดที่ต้องการ
เสร็จเรียบร้อยก็จะเป็นเทียนที่พร้อมนำไปถวายพระได้ การนำเทียนไปถวายพระของชาวอุบลฯ
ในสมัยก่อน ไม่ได้มีการแห่แหนหรือการประกวดประชันกันอย่างทุกวันนี้
เป็นแต่เพียงการถวายเทียนพร้อมกับเครื่องไทยธรรมไทยทานอื่นๆ รับศีลรับพรจากพระแล้วก็กลับบ้าน
สาเหตุที่การถวายเทียนจะต้องมีการแห่แหนและมีการประกวดประชันอย่างทุกวันนี้
เล่ากันว่าเริ่มมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
เมื่อครั้งที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์
ได้เป็นข้าหลวงใหญ่มาปกครองมณฑลลาวกาว ซึ่งมีที่ตั้งมณฑลอยู่ที่เมืองอุบลฯ
ได้เห็นการบาดเจ็บล้มตายของชาวบ้านจากงานประเพณีบุญบั้งไฟ
ซึ่งมีทั้งบาดเจ็บล้มตายเพราะบั้งไฟระเบิดหรือตกใส่บ้านเรือน
หรือบาดเจ็บล้มตายเพราะการทะเลาะวิวาทตีรันฟันแทงเพราะความเมามายในสุรา
หรือบางครั้งเพราะการละเล่นโคลนตมที่สนุกสนานเกินเลย หรือการละเล่นตุ๊กตาไม้ ในท่าทางร่วมเพศตามแบบฉบับของงานบุญบั้งไฟ
เรื่องต่างๆ เหล่านี้พระองค์ท่านทรงเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม
จึงให้ยกเลิกการจัดงานบุญบั้งไฟและให้เปลี่ยนเป็นการแห่เทียนพรรษาแล้วนำไปถวายพระแทน
งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ในปี พ.ศ. 2555 นี้ จังหวัดอุบลราชธานีได้งาน โดยมีชื่องานว่า 111 ปี " ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบล " ใช้ชื่องานต่อจากปี พ.ศ.2554 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2555 ณ บริเวณสนามทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ขอเชิญเที่ยวชมมรดกไทยอันล้ำค่า อีกประเพณีหนึ่ง
-->
งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ในปี พ.ศ. 2555 นี้ จังหวัดอุบลราชธานีได้งาน โดยมีชื่องานว่า 111 ปี " ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบล " ใช้ชื่องานต่อจากปี พ.ศ.2554 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2555 ณ บริเวณสนามทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ขอเชิญเที่ยวชมมรดกไทยอันล้ำค่า อีกประเพณีหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น