วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำตกแสงจันทร์ จังหวัด อุบลราชธานี Sang Chan Waterfall

-->
น้ำตกแสงจันทร์ จังหวัด อุบลราชธานี Sang Chan Waterfall



       น้ำตกแสงจันทร์ เป็นปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่สายน้ำไหลมาพบกับสิ่งกีดขวางซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นหินทรายขนาดใหญ่  คล้ายๆกับหลังคาของเพิงหมาแหงน ที่วางตัวเป็นมุมเงยต้านกับเส้นทางการไหลของสายน้ำทำให้เกิดกระแสน้ำไหลเป็นวังวนรูปก้นหอย นานวันเข้ากระแสน้ำวนนี้ก็ค่อยๆกัดกร่อนแผ่นหินทรายลงลึกขึ้นๆกลายเป็นแอ่งรูปทรงกลมจนกระทั่งทะลุผ่านแผ่นหินกลายเป็น น้ำตกลงรู   หรือ น้ำตกแสงจันทร์
น้ำตกแสงจันทร์ จัดเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก และพิเศษคือ สายน้ำจากลำห้วยท่าล้ง จะตกลงปล่องหินลงสู่เบื้องล่าง ซี่งมองดูแล้ว คล้ายกับแสงจันทร์ที่เต็มดวงได้สาดส่องลงมา อีกทั้งเมื่อสายน้ำกระทบสู่ผืนน้ำเบื้องล่างยังจะกระจายตัวเป็นรูปหัวใจสี ขาวน่าอัศจรรย์ บริเวณโดยรอบนั้น มีโขดหินน้อยใหญ่เรียงรายกันอยู่ และมีต้นไม้นานาพันธุ์ ซึ่งดูแล้วคล้ายกับสวนญี่ปุ่น บริเวณเบื้องล่างนั้นเป็นถ้ำ ซึ่งสามารถตั้งแคมป์ได้เป็นอย่างดี เป็นน้ำตกอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ด้วยความสวยงามระคนปนกับความแปลกประหลาดของสายน้ำที่ไหลทะลุผ่านรูของแผ่นหินทรายขนาดใหญ่ลงสู่แอ่งเบื้องล่างดุจดั่งฝักบัว ซึ่งธรรมชาติได้สรรค์สร้างแรงดึงดูดที่ทำให้นักท่องเที่ยวมากมายเดินทางแวะเวียนมาเยี่ยมชมตลอดช่วงฤดูฝน ต้นฤดูหนาว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งไม่ควรพลาดในการท่องเที่ยวย่านอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี
การเดินทาง
ให้ไปตั้งต้นที่นครราชสีมาแล้วกัน ใช้ถนนมิตรภาพ ถนนหมายเลข 2  จากนั้นขับตรงไปเลยตัวจังหวัดนครราชสีมา จนถึงสี่แยกโชคชัยให้เลี้ยวซ้าย ใช้ถนนหมายเลข 24 มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี โดยจะผ่าน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดศรีสะเกษ ขับตรงไปประมาณ 383.8 กิโลเมตร ถ้าเลี้ยวขวาจะไปอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบล ฯ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปยังตัวเมืองอุบล ฯ ให้เลี้ยวซ้าย แล้วขับตรงไปประมาณ 40.1 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสาย 217 มุ่งหน้าสู่อำเภอพิบูลมังสาหาร ขับตรงไป 42.3 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2222 มุ่งหน้าอำเภอโขงเจียม ขับตรงไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาไปอำเภอโขงเจียม ขับตรงไปประมาณ 31.4 กิโลเมตร จะพบกับสามแยก แยกขวาไปตัวอำเภอโขงเจียม ถ้าแยกซ้ายไปผาแต้ม ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 2134 ไปผาแต้ม 
-->

ประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี

-->
ประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี


ประวัติงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี
วันเข้าพรรษา เป็นประเพณีชาวพุทธของไทย คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติหรืออยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมแล้วนับไปอีก 3 เดือนก็จะเป็นวันออกพรรษา ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรืออยู่ในช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นฤดูของทุกปี เพราะฤดูฝนเป็นฤดูเพาะปลูก ข้าวกล้าพืชผลของชาวบ้านกำลังเขียวขจี ถ้าพระออกเดินทางในฤดูนี้จะไปเหยียบย่ำข้าวกล้าพืชผลของชาวบ้านเสียหายได้ พระพุทธเจ้าจึงได้บัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์หยุดเข้าพรรษาหรือหยุดพักฝน 3 เดือนไม่ให้จาริกเดินทางไปค้างคืนที่อื่นๆ  การเข้าพรรษาจึงมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลหรือตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า จึงทำให้พระสงฆ์มีเวลาศึกษาหาความรู้โดยเฉพาะการอ่านหนังสือปฏิบัติธรรม การอ่านหนังสือที่และให้เข้าใจและจดจำได้ดีที่สุดคือเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่เงียบสงบทำสมาธิได้ง่าย ในสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าเวลาพระจะอ่านหนังสือจึงจุดเทียน เมื่อชาวบ้านทราบจึงทำเทียนไปถวายพระ โดยเฉพาะการถวายในวันเข้าพรรษา ซึ่งถือว่าได้บุญกุศลมากยิ่งนัก นั่นคือจะทำให้ชีวิตของผู้ถวายมีความสุขสบาย สว่างไสว ไม่มืดมน หรืออีกนัยหนึ่งเป็นผู้มีปัญญา มีความรู้ เฉลียวฉลาดนั่นเอง การถวายเทียนแด่พระสงฆ์ ในวันเข้าพรรษาจึงเป็นประเพณีของชาวพุทธมาแต่โบราณกาลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในปัจจุบันชาวบ้านสมัยใหม่จะนิยมถวายหลอดไฟฟ้าแทน เพราะมีความสว่างมากกว่าเทียน ใช้งานง่าย สะดวก และได้บุญกุศลมากเช่นกัน
                ในสมัยก่อนชาวอุบลไม่มีการหล่อเทียนแห่เทียนเช่นปัจจุบัน และยังไม่มีเทียนสำเร็จรูปขาย ชาวบ้านจะใช้ขี้ผึ้ง ซึ่งได้จากรังผึ้งมาต้มให้ละลายแล้วเอาฝ้ายที่จะทำเป็นไส้เทียนจุ่มลงไปในน้ำผึ้งที่ละลายนั้น ปล่อยให้เย็นพอที่จะเอามือคลึงให้ขี้ผึ้งโอบล้อมไส้เทียนให้เต็ม ชาวอุบลฯ เรียกว่า ฟั่นเทียนจากนั้นนำมาตัดตามขนาดที่ต้องการ เสร็จเรียบร้อยก็จะเป็นเทียนที่พร้อมนำไปถวายพระได้ การนำเทียนไปถวายพระของชาวอุบลฯ ในสมัยก่อน ไม่ได้มีการแห่แหนหรือการประกวดประชันกันอย่างทุกวันนี้ เป็นแต่เพียงการถวายเทียนพร้อมกับเครื่องไทยธรรมไทยทานอื่นๆ รับศีลรับพรจากพระแล้วก็กลับบ้าน
 สาเหตุที่การถวายเทียนจะต้องมีการแห่แหนและมีการประกวดประชันอย่างทุกวันนี้ เล่ากันว่าเริ่มมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เป็นข้าหลวงใหญ่มาปกครองมณฑลลาวกาว ซึ่งมีที่ตั้งมณฑลอยู่ที่เมืองอุบลฯ ได้เห็นการบาดเจ็บล้มตายของชาวบ้านจากงานประเพณีบุญบั้งไฟ ซึ่งมีทั้งบาดเจ็บล้มตายเพราะบั้งไฟระเบิดหรือตกใส่บ้านเรือน หรือบาดเจ็บล้มตายเพราะการทะเลาะวิวาทตีรันฟันแทงเพราะความเมามายในสุรา หรือบางครั้งเพราะการละเล่นโคลนตมที่สนุกสนานเกินเลย หรือการละเล่นตุ๊กตาไม้ ในท่าทางร่วมเพศตามแบบฉบับของงานบุญบั้งไฟ เรื่องต่างๆ เหล่านี้พระองค์ท่านทรงเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม จึงให้ยกเลิกการจัดงานบุญบั้งไฟและให้เปลี่ยนเป็นการแห่เทียนพรรษาแล้วนำไปถวายพระแทน
                งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ในปี พ.ศ. 2555 นี้ จังหวัดอุบลราชธานีได้งาน โดยมีชื่องานว่า 111 ปี " ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบล "   ใช้ชื่องานต่อจากปี พ.ศ.2554 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2555 ณ บริเวณสนามทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ขอเชิญเที่ยวชมมรดกไทยอันล้ำค่า อีกประเพณีหนึ่ง
-->

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

ผาชะนะได Pha Chanadai Cliff

-->

ผาชะนะได Pha Chanadai Cliff

ผาชะนะได ตั้งอยู่ในโซนพื้นที่บริเวณป่าดงนาทามของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี จัดเป็นผืนป่าที่ยังคงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ เป็นหน้าผาที่มีความสูงชันและเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งแรกของประเทศไทย เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศไทย ที่ใช้เป็นจุดเริ่มต้นคำนวณเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ตั้งอยู่ในป่าดงนาทาม ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี มีพิกัดภูมิศาสตร์ที่ ละติจูด 15 องศา 37 ลิปดา 3.5 พิลิปดา เหนือ ลองจิจูด 105 องศา 37 ลิปดา 17 พิลิปดา ตะวันออก  และตามแนวหน้าผา บนภูเขาที่ทอดยาวขนานไปตามลำน้ำโขง ผาชะนะไดมีชื่อเสียงที่เราได้ยินกันทุกวัน เมื่อมีการพยากรณ์อากาศได้แจ้งช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น เป็นจุดที่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครๆ ปัจจุบันมีระบบการจัดการของอุทยานแห่งชาติที่จะควบคุมพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เพราะด้วยความหลากหลายที่เราสามารถเข้าไปท่องเที่ยวหรือศึกษาธรรมชาติเรื่องพรรณไม้ต่างๆ รวมไปถึงจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งมีทั้งน้ำตกขนาดเล็ก มีเฉพาะหน้าฝน หรือปลายฝน มีเสาเฉลียง ทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งล้วนเป็นศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่หาชมได้ที่แห่งนี้
เส้นทางสู่ดงนาทาม ปลายทางที่ผาชะนะได ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ เพราะมีคนเข้าไปเที่ยวน้อยมาก เนื่องจากสภาพถนนหนทางที่เข้าไปนั้นยากลำบาก สมัยก่อนจะต้องเดินเท้าเดินป่าเข้าไป เป้าหมายบริเวณลำห้วยพอกที่สามารถพักค้างแรมได้ มีหน่วยพิทักษ์อุทยานผาแต้มตั้งอยู่ เพื่อดูแลสถานที่และนักท่องเที่ยวที่มาพักแรม ปัจจุบันมีเส้นถนนลำลอง ช่วยให้รถกระบะเข้าไปถึงห้วยพอกได้
        เริ่มจากบ้านนาโพธิ์กลาง จะพบทางแยกขวาไปบ้านซะซอม วัดถ้ำปาฏิหาริย์ จะเป็นเส้นทางกึ่งออฟโรดเข้าสู่ผาชะนะได ผ่านหน่วยพิทักษ์ป่าฯ ที่ 4 (ห้วยทราย) ก่อนถึงวัดถ้ำปาฏิหาริย์จะมีป้ายบอกทางเข้าสู่ผาชะนะได ประมาณ 20 กม.
        นับจากป้ายบอกทางเข้าผาชะนะได เราต้องขับรถไปตามพลาญหิน รถที่เหมาะสมควรเป็นรถโฟร์วีลไดรฟ์ ช่วงหน้าแล้งรถปิกอัพธรรมดาสามารถเข้าได้ ตามพลาญจะผ่านน้ำตกกรีด ซึ่งจะพบได้เฉพาะหน้าฝนเท่านั้น ผ่านลานหินเต่าชมจันทร์ ก็จะพบทุ่งดอกไม้ขึ้นยืนต้นกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ และสวยงามเหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง  อีกทั้งทุ่งดอกไม้แต่ละแห่งมีความสวยงามที่ต่างกันไป
ที่พักใกล้ผาชะนะได
ชื่อที่พัก :
บ้านริมโขง รีสอร์ท และ ร้านอาหารบ้านริมโขง
รายละเอียด :
บ้านริมโขง รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่สวยและบรรยากาศดี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งที่ตั้งของบ้านริมโขงอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ และอุทยานแห่งชาติผาแต้มและที่ตั้งของรีสอร์ทอยู่ในตัวอำเภอ โขงเจียม ประมาณ100 เมตร และอยู่ติดกับภูเขาและแม่น้ำโขง ทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ภายในห้องพักได้ถูกออกแบบให้เรียบง่าย ในบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบ
นอกจากนี้ ภายในรีสอร์ทยังมีบริการ อาหาร เครื่องดื่มไว้บริการท่านที่ร้านริมโขง ลิ้มลองเมนูเด็ดของร้านริมโขงในบรรยากาศ ธรรมชาติใกล้ชิดกับแม่น้ำโขง เพื่อให้บรรยากาศการรับประทาน อาหาร แตกต่างจากที่อื่นๆที่ท่านเคยสัมผัส ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศ แสนสบายริมแม่น้ำโขง ซึ่งแวดล้อมไปด้วยความงดงามของธรรมชาติแมกไม้นานาพันธุ์ ที่โอบล้อมคุณอย่างอบอุ่น ความเรียบง่ายที่ลงตัวเพื่อโลกส่วนตัวที่เปี่ยมสุข ในวันพักผ่อนของคุณ
ที่ตั้ง :
บ้านริมโขง รีสอร์ท และ ร้านอาหารบ้านริมโขง
37 ถ.แกล้วประดิษฐ์ อำเภอโขงเจียม จังหวัด อุบลราชธานี 34220
-->

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม Pha Taem National Park

--> อุทยานแห่งชาติผาแต้ม Pha Taem National Park
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 74  ของประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ 340 ตารางกิโลเมตร หรือ 212,500 ไร่ โดยครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียม  อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี    ประกอบด้วย สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่านานาชนิด มีจุดเด่นที่สวยงามตามธรรมชาติมากมาย เช่น  ผาชัน   น้ำตกสร้อยสวรรค์  เสาเฉลียง   ถ้ำปาฏิหารย์  ภูนาทาม เป็นต้น
ในอดีต ชาวบ้านท้องถิ่นที่มีบ้านเรือนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ป่าภูผา น้อยคนนักที่จะกล้าเดินทางเข้าไปในป่าดังกล่าว เนื่องจากมีความเชื่อว่า ผาแต้มเป็นเขตต้องห้าม ภูผาเหล่านี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นภูผาแห่งความตาย ใครล่วงล้ำเข้าไปมักมีอันเป็นไปต่างๆนาๆ   อาจเจ็บไข้หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ต่อมาพื้นที่ป่าภูผาบริเวณผาแต้มได้ถูกค้นและได้เปิดเผยจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป    เมื่อคณะอาจารย์และนักศึกษาจากภาควิชามนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากรได้มาทำการสำรวจและค้นพบภาพเขียนสีโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม ท้องที่บ้านกุ่ม  ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี มีอายุราว 3,000-4,000 ปี ที่บริเวณผาขาม ผาแต้ม ผาเจ็ก ผาเมย    เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในประเทศไทยที่มีแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นกั้นพรมแดน ระหว่างประเทศไทยและประเทศลาวเป็นแนวเขตอุทยานแห่งชาติที่ยาวที่สุด ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ป่าเขา ทางฝั่งประเทศลาวได้เป็นอย่างดี
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขาติดต่อกันลักษณะสูงๆ ต่ำๆ สลับกันไปทั่วพื้นที่ ระดับความสูงของพื้นที่อยู่ประมาณ 100-600 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แนวเขตด้านทิศตะวันออกใช้เส้นแบ่งเขตแดนประเทศและติดกับประเทศลาว มีแม่น้ำโขงเป็นแนวเขตโดยตลอดความยาวประมาณ 63 กิโลเมตร สภาพพื้นที่โดยรวมเป็นลานหิน รอบแนวเขตถัดจากฝั่งแม่น้ำโขงจะเป็นหน้าผาสูงชัน มีภูผาที่สำคัญได้แก่ ภูผาขาม ภูผาเมย ภูผาเจ็ก ภูผาสร้อย ภูย่าแพะ ภูชะนะได ภูผานาทาม ภูโลง ภูปัง ภูจันทร์แดง ภูหลวง ภูสมุย และภูกระบอ เป็นต้น
อุทยานแห่งชาติผาแต้มจัดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิจกรรม -แค็มป์ปิ้ง - ชมทิวทัศน์ - ดูดาว - เดินป่าระยะไกล - เดินป่าศึกษาธรรมชาติ - เที่ยวถ้ำ/ธรณีวิทยา ขี่จักรยานศึกษาธรรมชาติ ไว้ 3 เส้นทางด้วยกัน สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี คือ
- เส้นทางผาแต้ม สร้อยสวรรค์
- เส้นทางทุ่งนาเมือง ผาชะนะได
- เส้นทางถ้ำปาฏิหารย์ ผาชะนะได
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติผาแต้ม
1. รถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพฯ สู่อุบลราชธานีระยะทาง 629 กิโลเมตร คืนแรกควรพักในตัวเมืองอุบลราชธานี จากนั้นใช้เส้นทาง หมายเลข 217 เดินทางต่อมายังอำเภอพิบูลมัง-สาหาร ใช้เส้นทางหมายเลข 2222 มายังอำเภอโขงเจียมจาก โขงเจียมใช้ เส้นทางหมายเลข 2112 มายังผาแต้ม ระยะทางจากโขงเจียม- ผาแต้ม19 กิโลเมตร เที่ยวชม ทัศนียภาพของสายน้ำโขง ริมผาแต้มชมภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ตั้งอยู่ที่นั่น และจาก ผาแต้ม เดินทางต่อมายังบ้านนาโพธิ์กลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำตกสร้อยสวรรค์ น้ำตกนาโพธิ์ และ น้ำตกลงรู ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกันระยะ ทางห่างจากผาแต้มราว 18 กิโลเมตร ผาหินทรายบริเวณกลุ่ม น้ำตกเหล่านี้ถูกสายน้ำกัดกร่อนเป็นรูปทรงงดงามแปลกตา ซึ่งเส้นทางรถยนต์สามารถเข้าถึงน้ำตกได้ แต่หากจะ เดินต่อจากลานน้ำตกเข้าไปยังลานหินระยะทางอีกราว 1 กิโลเมตร ก็จะถึงริมผา สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงไหล คดเคี้ยวอยู่เบื้องล่าง
-->

ที่พักใกล้อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
โรงแรมทอแสงโขงเจียมรีสอร์ทTohsang Khongjiam Resort 
          ทอแสง โขงเจียม รีสอร์ท เป็นโรงแรมระดับมาตรฐานสากล ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม ป่าเขาและสายแม่น้ำนานาชาติ ห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำโขง แม่น้ำสองสี รวมถึงแสงความงามของพระอาทิตย์ที่ทอดยาวลงมาตามเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขง
          สิ่งอำนวยความสะดวกภายในรีสอร์ท สถานที่ออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ สปาและการนวดกล้ามเนื้อ การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โทรสาร ร้านขายของที่ระลึก การจัดท่องเที่ยวรอบบริเวณ หนังสือพิมพ์ ห้องอาหารเวินบึก คาเฟ เดอโขง บาร์ เทอเรส ค๊อฟฟี่ช๊อป คาราโอเกะ และมีบริการด้านอินเตอร์เน็ท
ที่ตั้ง
68 หมู่ 7 บ้านห้วยหมากใต้ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี 34220 ประเทศไทย 

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

สามพันโบกเมืองใต้บาดาลแม่น้ำโขง

-->
สามพันโบกเมืองใต้บาดาลแม่น้ำโขง


สามพันโบกเมืองใต้บาดาลแม่น้ำโขง
ธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ของโลก  ไม่ได้มีให้ชมเพียงบนผืนแผ่นดินเท่านั้น ภายใต้แม่น้ำลำธารที่เปรียบเสมือนสายเลือดผู้หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่ง  ก็นับเป็นอีกสิ่งหนึ่งของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ความงดงาม และความอัศจรรย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือสามพันโบกเมืองใต้บาดาลแม่น้ำโขง จังหวัดอุบลราชธานี
สามพันโบกลักษณะเป็นแก่งหินที่มีขนาดน้อยใหญ่จำนวนมาก ที่ถูกสายน้ำโขงกัดเซาะมาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งแก่งหินอันกว้างขวางใต้แม่น้ำโขงเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง  หรือช่วงเดือนพฤศจิกายน เมษายน ของทุกปีเท่านั้น ส่วนในช่วงฤดูฝนแก่งหินดังกล่าวจะจมอยู่ใต้แม่น้ำโขง
สำหรับชื่อ สามพันโบก มาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแก่งหินที่มีแอ่งน้ำ หลุมบ่อเป็นจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง ซึ่งคำว่า โบก เป็นภาษาท้องถิ่นแปลว่า แอ่ง ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่า สามพันโบก หรือแกรนแคนยอนน้ำโขง  จากประติมากรรมหินทรายที่มีรูปร่างดงามแปลกตา ก่อเกิดตำนานเรื่องเล่าตำนานพญานาคชุดแม่น้ำโขง  ทุ่งหินเหลื่อม  หินหัวสุนัข  และปู่จกปู ตำนานหินหัวสุนัข   ทางเข้าของแกรนด์แคนยอนแม่น้ำโขง  มีหินสวยงามลักษณะคล้ายหัวสุนัข  ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันต่างๆ นานา  บ้างก็ว่า แต่ก่อนมีเจ้าเมืองเป็นผู้เรืองอำนาจประทับใจความงามของสามพันโบก  จึงได้ส่งเสนามาศึกษาเพิ่มเติม  เมื่อมาแล้วพบขุมทรัพย์เป็นทองคำ  จึงให้สุนัข เฝ้าทางเข้าจนกว่าเจ้าเมืองจะออกมา  เมื่อเจ้าเมืองได้เห็นสมบัติเกิดความโลภ  กลัวเสนาจะได้ส่วนแบ่งจึงได้ออกไปทางอื่น  สุนัขผู้ภักดีก็เฝ้ารออยู่ตรงนั้นจนตายในที่สุด  บางตำนานก็ว่าลูกพญานาคในลำน้ำโขงเป็นผู้ขุดเพื่อให้เกิดลำน้ำอีกสายหนึ่งและได้มอบหมายให้สุนัขเป็นผู้เฝ้าทางระหว่างการขุดจนกระทั่งสุนัขได้ตายลงกลายเป็นหินรูปสุนัขในที่สุด  ตำนานหาดหินสี  หรือทุ่งหินเหลื่อม  ทุ่งหินเหลื่อมอยู่ในพื้นที่บ้านคำจ้าว  ตำบลเหล่างาม  อำเภอโพธิ์ไทร  เป็นกลุ่มหินสีที่มีลักษณะแปลกตา  คือหินแต่ละก้อน  จะมีผิวเรียบเป็นมันประกอบด้วยสีเหลือง เขียว ม่วง น้ำเงิน  มีขนาดตั้งแต่ก้อนเล็กเท่ากำปั้นและก้อนใหญ่สุดมีขนาดใหญ่กว่า 3 เมตร  กระจายเป็นกลุ่ม 3 กลุ่มใหญ่  หินแต่ละก้อนถ้านำมาเรียงต่อกันจะเชื่อมกันได้สนิทคล้ายจิ๊กซอว์หินสี  จากตำนานชาวบ้านที่เล่าขานต่อกันว่ากลุ่มหินสีดังกล่าวคือทองคำพญานาค  ซึ่งเกิดจากการขุดสร้างแม่น้ำโขงของพญานาคตัวพ่อและตัวแม่ส่วนร่องน้ำเล็กที่คู่ขนานกับแม่น้ำโขงเป็นผลงานของลูกพญานาคที่ขุดเล่น จนเกือบทะลุกับแม่น้ำโขง ลูกพญานาคพบหินเหมือนทองคำ  จึงขุดขึ้นกองไว้เป็นบริเวณกว้างประมาณ 2 ไร่  ทุ่งหินเหลื่อม  ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาศึกษาอย่างเป็นทางการ จึงมีคำถามที่รอคำตอบมากมาย  ว่าหินกลุ่มนี้มากจากไหน หรือเกิดขึ้นอย่างไร และคำตอบจากนักท่องเที่ยวทุกคนคือ  ความมหัศจรรย์ของธรรมชาตินั่นเอง

การท่องเที่ยวชมความสวยงามของสามพันโบก โดยเดินทางท่องเที่ยวทางเรือ ไปยังแก่งสามพันโบก  นิยมนั่งเรือจากหาดสลึงที่บ้านปากกะกลาง  ต.สองคอน  ล่องตามลำน้ำโขงระยะทาง 4 กิโลเมตร  ระหว่างทางจะผ่าน ปากบ้องจุดแคบที่สุดของแม่น้ำโขง  หาดสลึง หินหัวพะเนียง  เป็นแก่งหินกลางแม่น้ำที่ทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสาย  หรือสองคอนในภาษาท้องถิ่น  จึงเป็นที่มาของชื่อบ้านสองคอนและสามพันโบก  ศิลาเลข  หาดหงส์
รายละเอียดเส้นทางเที่ยวทางเรือปากบ้อง  เป็นจุดชมวิวที่หมู่บ้านสองคอน  ตำบลสองคอน  อำเภอโพธิ์ไทร  จังหวัดอุบลราชธานี  เป็นจุดที่แม่น้ำโขงไหลพาดปะทะแนวเทือกเขาภูพานตอนปลาย การปะทะกันของพลังธรรมชาติอันยิ่งใหญ่  ก่อให้เกิดภูมิประเทศที่มหัศจรรย์มากมาย  ซึ่งจะสัมผัสได้ยามที่แม่น้ำโขงลดระดับลงได้ที่ในยามฤดูแล้งราวเดือนพฤศจิกายน -  มิถุนายน  ตลอดระยะทางที่ไหลผ่านประเทศไทย  ยาวกว่า 700 กิโลเมตร  เป็นจุดที่แม่น้ำโขง  แคบที่สุด  ปากบ้องเป็นหน้าผาหินที่เกิดจากรอยแยกตัวของแผ่นหินทรายเปลือกโลก  ลักษณะเหมือนคอขวด  ส่วนที่แคบที่สุดวัดได้ 56 เมตร
หินหัวพะเนียง  อยู่ในพื้นที่หมู่บ้านสองคอน  ตำบลสองคอน  อำเภอโพธิ์ไทย จังหวัดอุบลราชธานี  ลักษณะทางภูมิศาสตร์  เป็น เกาะหินขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขงรูปร่างคล้ายอุปกรณ์ประกอบคันไถ  อยู่ถัดจากบริเวณปากบ้องขึ้นไปทางเหนือประมาณ 500 เมตร  เกาะหินใหญ่โผล่ขวางกลางลำน้ำโขง  หินหัวพะเนียง  มีรูปร่างคล้ายใบไถไม้ (ในภาษาถิ่น พะเนียงคือแท่นไม้ที่ใช้สวมใบไถเหล็ก)  ชาวบ้านจึงเรียกว่า  หินหัวพะเนียง  แต่ลักษณะหินในบริเวณนี้บางกลุ่มจะเป็นช่อแหลมคม  ซึ่งเกิดจากการปะทุขึ้นมาของหินทรายร้อนคล้ายหินภูเขาไฟ  แต่ไม่ใช่แมกมาหรือลาวา  เมื่อปะทุขึ้นมาปะทะกับกระแสน้ำเย็นจึงแข็งตัวกลายเป็นหินที่มีลักษณะเป็นช่อเรียกว่า หินหัวพะเนียงเป็นเกาะกลางแก่งหินกลางแม่น้ำที่ทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสาย
ที่พักรีสอร์ทใกล้สามพันโบก
สองคอนรีสอร์ท
สองคอนรีสอร์ท แสนสบายติดหาดสลึง เป็นที่พักเพียงแห่งเดียวที่อยู่ใกล้กับสามพันโบก แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งเมืองอุบล แกรนแคนยอนแห่งลุ่มน้ำโขง ท่านสามารถชื่นชมและสัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้านริมโขงได้อย่างใกล้ชิด  สะดวกสบายในการเดินทางท่องเที่ยว  เพราะสองคอนรีสอร์ทตั้งอยู่ที่หาดสลึงซึ่งเป็นจุดล่องเรือไปยังหาดต่างๆและบริเวณสามพันโบก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันอบอุ่นด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพและบริการที่เป็นกันเอง พร้อมกับเราที่นี่ สองคอน รีสอร์ท
รายละเอียดห้องพัก
โรงแรม ห้องพัก   มีห้องแอร์ 17 หลัง และมีที่พักแบบกางเต้นท์บริการ มีห้องจัดประชุมสัมมนา มีสวนอาหารสองคอน บริการล่องเรือของสองคอนรีสอร์ท ล่องเรือชมน้ำโขง สองคอนรีสอร์ท ตั้งอยู่ที่หาดสลึง จุดขึ้นเรือล่องไปชมสามพันโบก และหาดต่างๆ เช่น หาดหงส์ ปากบ้อง, หาดหินสี ,หินหัวพะเนียง
ค่าบริการ  1000 บาท นั่งได้ 10-12 ท่าน
โดยล่องไปยังจุดต่างๆ ดังนี้
จุดที่ 1 ปากบ้อง
จุดที่ 2 หาดหงส์
จุดที่ 3 สามพันโบก
สองคอนรีสอร์ท มีบริการสวนอาหารสองคอน
บริการอาหารไทย และอาหารพื้นบ้านอีสานไว้คอยบริการ พร้อมกับชมบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำโขง ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นเหมาะกับการนั่งรับประทานแบบครอบครัว หรือจะเป็นหมู่คณะ  อีกทั้งยังบริการแบบกรุ๊ปทัวร์

-->